เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2554 นพ.วีระวัฒน์ พันธุ์ครุฑ รองเลขาธิการ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) พร้อมด้วย ศ.นพ.บุญชอบ พงษ์พานิชย์ ประธานโครงการแพทย์ชนบทคืนถิ่น ศ.นพ.ไพจิตร ปวะบุตร ประธานมูลนิธิเด็กโรคหัวใจฯ นพ.ปรีดา แต้อารักษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 8 อุดรธานี และ คณะเยี่ยมนิเทศติดตามโครงการแพทย์ชนบทคื
นถิ่น
“แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว” ณ โรงพยาบาลหนองวัวซอ จ.อุดรธานี และ
โรงพยาบาลอุดรธานี
หลังรับฟังบรรยายสรุประบบการจัดการเรียนการสอนรับฟังปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอ
แนะต่อการดำเนินงาน จากแพทย์ผู้เรียนและครูผู้สอน
ชื่นชมทำได้ผลดีเกินคาดทั้งที่เป็นพื้นที่ชนบทผู้เชี่ยวชาญชี้ภายใน 10ปี
ข้างหน้าประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางการผลิตแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวอันดับหนึ่ง
ในภูมิภาคเอเชียที่มีคุณภาพสูง
ศ.นพ.บุญชอบ พงษ์พานิชย์ ประธานโครงการแพทย์ชนบทคืนถิ่น เปิดเผยว่า โครงการแพทย์ชนบทคืนถิ่น “แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว” และ โครงการการเพิ่มการผลิตแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวในส่วนภูมิภาค เป็นโครงการความร่วมมือ ระหว่างสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข ราชวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์ครอบครัวแห่งประเทศไทย และสนับสนุนการดำเนินงานโดย “ทุนการกุศลสมเด็จย่า” และ “ทุนการกุศล กว.” ในการฝึกอบรมแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวในขณะปฏิบัติงาน (In-service training) ส่ง เสริมให้แพทย์ที่กำลังปฏิบัติงานและอยู่ระหว่างการชดใช้ทุนในโรงพยาบาลได้ รับการฝึกอบรม เพื่อสอบวุฒิบัตรแสดงความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรมสาขา เวชศาสตร์ครอบครัวพร้อมทั้งสนับสนุนให้โรงพยาบาลเป็นแหล่งการเรียนการสอน ด้านเวชศาสตร์ครอบครัวให้กับแพทย์ในโครงการ
ทีมนิเทศได้เยี่ยมติดตาม นพ.อัศวเทพ อภัยโสนักศึกษาฝึกปฏิบัติงานในโรงพยาบาลอุดรธานี และ นพ. ณัฐวุธ มณีขาว ฝึกปฏิบัติงานโรงพยาบาลหนองวัวซอ ซึ่งทั้งสองเป็นแพทย์ที่เข้าร่วมโครงการ ได้รับการฝึกอบรมโดยการปฏิบัติงานในโรงพยาบาลอุดรธานี และโรงพยาบาลหนองวัวซอ มีระยะเวลา 3 ปี โดยไม่ต้องลาศึกษาต่อ ใน การฝึกปฏิบัติจะอยู่ภายใต้การดูแลแนะนำของแพทย์พี่เลี้ยงผู้เชี่ยวชาญด้าน เวชศาสตร์ครอบครัวในสถาบันสมทบ ก็คือ รพ.อุดรธานีและรพ.หนองวัวซอ ได้รับการสนับสนุนด้านวิชาการด้านเวชศาสตร์ครอบครัวโดยสถาบันหลักจากโรง พยาบาลขอนแก่น ด้านกระบวนการฝึกอบรมและการเรียนการสอน นักศึกษาแพทย์ทั้งสองได้เล่าผ่านการบรรยายว่า เป็นการเรียนการสอนที่ประยุกต์หลักการจัดการเรียนรู้แบบผู้ใหญ่ เน้นการเรียนรู้จากประสบการณ์ เรียนรู้ผ่านบริบทของผู้เรียน และเรียนรู้ผ่านแฟ้มสะสมงาน ตลอดจนการส่งเสริมให้จัดกิจกรรมfamily medicine academic half-day ในสถาบันสมทบ มีการควบคุมมาตรฐานการฝึกอบรมโดย ราชวิทยาลัยแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวแห่งประเทศไทย นพ. ณัฐวุธ มณีขาว กล่าวถึงความรู้สึกหลังได้เข้าร่วมโครงการว่า ตนเองภูมิใจและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เข้าร่วมโครงการ ได้ศึกษาด้านเวชศาสตร์ครอบครัว สัมผัสและช่วยเหลือรักษาผู้ป่วยที่ด้อยโอกาสเข้าไม่ถึงบริการของโรงพยาบาล ให้กลับมามีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น รู้สึกภูมิใจและมีความสุขเป็นอย่างมาก หลังจบการศึกษาพร้อมที่จะทำงานในหน่วยปฐมภูมิ
ด้านการสนับสนุนทุนการศึกษา นพ.วีระวัฒน์ พันธุ์ครุฑ รองเลขาธิการสปสช. กล่าวว่า การ สนับสนุนทุนแพทย์ที่เข้าโครงการสปสช. สนับสนุนค่าใช้จ่ายฝึกอบรมรวมทั้งการศึกษาวิจัยเพื่อตอบสนองการพัฒนาคุณภาพ บริการเป็นระยะเวลา 3 ปี ที่ร่วมโครงการ แบ่งเป็นปีที่หนึ่งไม่เกิน 120,000 บาท/คน ปีที่สอง ไม่เกิน 240,000 บาท/คน และปีที่สามไม่เกิน 360,000 บาท/คน สนับสนุนเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโครงการให้สถาบันสมทมและสถาบันหลัก 100,000 บาทต่อแพทย์ที่เข้าร่วมโครงการ 1 คน และแพทย์ที่เข้าร่วมโครงการแพทย์ชนบทคืนถิ่น ได้ทุนจาก “ทุนการกุศลสมเด็จย่า” และ “ทุนการกุศล กว.” และมูลนิธิทุนท่านท้าวมหาพรหม โรงแรมเอราวัณ สนับสนุนค่าใช้จ่ายการศึกษาดูงานในประเทศและต่างประเทศ
แพทย์ในโครงการที่จบการฝึกอบรม ปฏิบัติงานใช้ทุนตามเงื่อนไขการชดใช้ทุนเป็นเวลา 3 ปี ในโรงพยาบาลหรือศูนย์แพทย์ชุมชน สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งโครงการได้ตั้งเป้าผลิตแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวรายใหม่ ที่เป็นบุคลากรที่มีเจตคติ พฤติกรรม และจริยธรรมที่เหมาะสมต่อวิชาชีพเวชปฏิบัติครอบครัว สามารถให้บริการทางการแพทย์ในระดับปฐมภูมิในพื้นที่ชนบทที่ห่างไกลและ ทุรกันดารของประเทศ เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าปีละ 20 คน พร้อมการจัดระบบธำรงรักษา แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวให้สามารถปฏิบัติงานและคงอยู่ในระบบปฐมภูมิได้อย่าง ต่อเนื่องและยั่งยืน นพ.วีระวัฒน์ กล่าว
นพ.ปรีดา แต้อารักษ์ ผอ.สปสช.เขต 8 อุดรธานี กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยยังขาดแคลนแพทย์สาขานี้เป็นจำนวนมาก การที่จะได้บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถและมีทัศนคติที่สอดคล้องกับปรัญชา แนวคิดการบริการในปฐมภูมิ จึงจำเป็นต้องมีการประสานความรู้ร่วมมือกันอย่างจริงจังในการร่วมผลิต “แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว” เพื่อให้ครอบคลุมประชาชนคนไทยอย่างทั่วถึง และเป็นการสร้างหลักประกันสุขภาพที่มีคุณภาพด้านการแพทย์การสาธารณสุขที่ ยั่งยืน เกิดความเสมอภาค ผู้ด้อยโอกาสสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพที่จำเป็นได้มากขึ้น โดยใช้องค์ความรู้เวชศาสตร์ครอบครัวเป็นหลักในการทำงาน
วันระพี สปปช. 8 ภาพ / ข่าว
ศ.นพ.บุญชอบ พงษ์พานิชย์ ประธานโครงการแพทย์ชนบทคืนถิ่น เปิดเผยว่า โครงการแพทย์ชนบทคืนถิ่น “แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว” และ โครงการการเพิ่มการผลิตแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวในส่วนภูมิภาค เป็นโครงการความร่วมมือ ระหว่างสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข ราชวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์ครอบครัวแห่งประเทศไทย และสนับสนุนการดำเนินงานโดย “ทุนการกุศลสมเด็จย่า” และ “ทุนการกุศล กว.” ในการฝึกอบรมแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวในขณะปฏิบัติงาน (In-service training) ส่ง เสริมให้แพทย์ที่กำลังปฏิบัติงานและอยู่ระหว่างการชดใช้ทุนในโรงพยาบาลได้ รับการฝึกอบรม เพื่อสอบวุฒิบัตรแสดงความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรมสาขา เวชศาสตร์ครอบครัวพร้อมทั้งสนับสนุนให้โรงพยาบาลเป็นแหล่งการเรียนการสอน ด้านเวชศาสตร์ครอบครัวให้กับแพทย์ในโครงการ
ทีมนิเทศได้เยี่ยมติดตาม นพ.อัศวเทพ อภัยโสนักศึกษาฝึกปฏิบัติงานในโรงพยาบาลอุดรธานี และ นพ. ณัฐวุธ มณีขาว ฝึกปฏิบัติงานโรงพยาบาลหนองวัวซอ ซึ่งทั้งสองเป็นแพทย์ที่เข้าร่วมโครงการ ได้รับการฝึกอบรมโดยการปฏิบัติงานในโรงพยาบาลอุดรธานี และโรงพยาบาลหนองวัวซอ มีระยะเวลา 3 ปี โดยไม่ต้องลาศึกษาต่อ ใน การฝึกปฏิบัติจะอยู่ภายใต้การดูแลแนะนำของแพทย์พี่เลี้ยงผู้เชี่ยวชาญด้าน เวชศาสตร์ครอบครัวในสถาบันสมทบ ก็คือ รพ.อุดรธานีและรพ.หนองวัวซอ ได้รับการสนับสนุนด้านวิชาการด้านเวชศาสตร์ครอบครัวโดยสถาบันหลักจากโรง พยาบาลขอนแก่น ด้านกระบวนการฝึกอบรมและการเรียนการสอน นักศึกษาแพทย์ทั้งสองได้เล่าผ่านการบรรยายว่า เป็นการเรียนการสอนที่ประยุกต์หลักการจัดการเรียนรู้แบบผู้ใหญ่ เน้นการเรียนรู้จากประสบการณ์ เรียนรู้ผ่านบริบทของผู้เรียน และเรียนรู้ผ่านแฟ้มสะสมงาน ตลอดจนการส่งเสริมให้จัดกิจกรรมfamily medicine academic half-day ในสถาบันสมทบ มีการควบคุมมาตรฐานการฝึกอบรมโดย ราชวิทยาลัยแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวแห่งประเทศไทย นพ. ณัฐวุธ มณีขาว กล่าวถึงความรู้สึกหลังได้เข้าร่วมโครงการว่า ตนเองภูมิใจและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เข้าร่วมโครงการ ได้ศึกษาด้านเวชศาสตร์ครอบครัว สัมผัสและช่วยเหลือรักษาผู้ป่วยที่ด้อยโอกาสเข้าไม่ถึงบริการของโรงพยาบาล ให้กลับมามีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น รู้สึกภูมิใจและมีความสุขเป็นอย่างมาก หลังจบการศึกษาพร้อมที่จะทำงานในหน่วยปฐมภูมิ
ด้านการสนับสนุนทุนการศึกษา นพ.วีระวัฒน์ พันธุ์ครุฑ รองเลขาธิการสปสช. กล่าวว่า การ สนับสนุนทุนแพทย์ที่เข้าโครงการสปสช. สนับสนุนค่าใช้จ่ายฝึกอบรมรวมทั้งการศึกษาวิจัยเพื่อตอบสนองการพัฒนาคุณภาพ บริการเป็นระยะเวลา 3 ปี ที่ร่วมโครงการ แบ่งเป็นปีที่หนึ่งไม่เกิน 120,000 บาท/คน ปีที่สอง ไม่เกิน 240,000 บาท/คน และปีที่สามไม่เกิน 360,000 บาท/คน สนับสนุนเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโครงการให้สถาบันสมทมและสถาบันหลัก 100,000 บาทต่อแพทย์ที่เข้าร่วมโครงการ 1 คน และแพทย์ที่เข้าร่วมโครงการแพทย์ชนบทคืนถิ่น ได้ทุนจาก “ทุนการกุศลสมเด็จย่า” และ “ทุนการกุศล กว.” และมูลนิธิทุนท่านท้าวมหาพรหม โรงแรมเอราวัณ สนับสนุนค่าใช้จ่ายการศึกษาดูงานในประเทศและต่างประเทศ
แพทย์ในโครงการที่จบการฝึกอบรม ปฏิบัติงานใช้ทุนตามเงื่อนไขการชดใช้ทุนเป็นเวลา 3 ปี ในโรงพยาบาลหรือศูนย์แพทย์ชุมชน สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งโครงการได้ตั้งเป้าผลิตแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวรายใหม่ ที่เป็นบุคลากรที่มีเจตคติ พฤติกรรม และจริยธรรมที่เหมาะสมต่อวิชาชีพเวชปฏิบัติครอบครัว สามารถให้บริการทางการแพทย์ในระดับปฐมภูมิในพื้นที่ชนบทที่ห่างไกลและ ทุรกันดารของประเทศ เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าปีละ 20 คน พร้อมการจัดระบบธำรงรักษา แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวให้สามารถปฏิบัติงานและคงอยู่ในระบบปฐมภูมิได้อย่าง ต่อเนื่องและยั่งยืน นพ.วีระวัฒน์ กล่าว
นพ.ปรีดา แต้อารักษ์ ผอ.สปสช.เขต 8 อุดรธานี กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยยังขาดแคลนแพทย์สาขานี้เป็นจำนวนมาก การที่จะได้บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถและมีทัศนคติที่สอดคล้องกับปรัญชา แนวคิดการบริการในปฐมภูมิ จึงจำเป็นต้องมีการประสานความรู้ร่วมมือกันอย่างจริงจังในการร่วมผลิต “แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว” เพื่อให้ครอบคลุมประชาชนคนไทยอย่างทั่วถึง และเป็นการสร้างหลักประกันสุขภาพที่มีคุณภาพด้านการแพทย์การสาธารณสุขที่ ยั่งยืน เกิดความเสมอภาค ผู้ด้อยโอกาสสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพที่จำเป็นได้มากขึ้น โดยใช้องค์ความรู้เวชศาสตร์ครอบครัวเป็นหลักในการทำงาน
วันระพี สปปช. 8 ภาพ / ข่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น